สรุปประเด็นจากห้อง Clubhouse ทำไมคนไทยไม่ควรพลาด ในการลงทุนหุ้นเทคโนโลยี ?
BBLAM x ลงทุนแมน
หลังจาก ลงทุนแมน ได้ชวนผู้เชี่ยวชาญหุ้นเทคโนโลยีจากกองทุนบัวหลวง
มาร่วมพูดคุยในเรื่องหุ้นเทคโนโลยีกันแบบเจาะลึก เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา
โดยมี 2 Speakers มากประสบการณ์จากกองทุนบัวหลวง ได้เปิดเผยข้อมูลน่าสนใจมากมาย
- คุณเศรณี นาคธน AVP, Portfolio Management กองทุนบัวหลวง
- คุณมทินา วัชรวราทร CFA®, AVP, Portfolio Management กองทุนบัวหลวง
สถานการณ์ความท้าทาย, โอกาสในอนาคต รวมทั้งแนวทางการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้จะเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
คำถามที่ 1 : หุ้นเทคโนโลยีจะกลับมาอีกครั้งหรือยัง ?
สังเกตไหมว่าในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเทคโนโลยีให้ผลตอบแทนได้ดีมาโดยตลอด
โดยในปีนี้ ดัชนีที่รวบรวมบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Nasdaq ก็ให้ผลตอบแทน 12%
ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บอกว่านักลงทุนเริ่มกลับมาให้ความสนใจหุ้นเทคอีกครั้ง
อย่างในช่วงโควิดที่ผ่านมา เราก็คงได้มีโอกาสใช้บริการแพลตฟอร์มเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Grab, Lazada, Shopee หรือ Netflix
แต่ถ้าถามว่ามุมมองต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในอนาคตจะเป็นอย่างไร ?
แน่นอนว่า สิ่งที่จะทำให้โลกขับเคลื่อนต่อไปได้ก็คือเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสินค้าหรือบริการ ที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีในการพัฒนา ให้ถูกขึ้น ดีขึ้น และเร็วขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
รวมไปถึงเรื่องของสังคมผู้สูงวัยทั่วโลก ส่งผลให้แรงงานมีจำนวนน้อยลง จึงต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอย่าง หุ่นยนต์ หรือ AI เพิ่มมากขึ้น หรือแม้แต่แนวโน้มการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมกับการแพทย์อื่น ๆ เช่น การหาหมอออนไลน์, การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ, 3D printing ฯลฯ
ซึ่งถ้าถามว่าถึงเวลาของหุ้นเทคโนโลยีหรือยัง ก็จะเห็นได้ว่า ตลาดเริ่มส่งสัญญาณบวกแล้ว เพราะแม้จะมีความชัดเจนในเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่หุ้นเทคในช่วงที่ผ่านมาก็ยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งคุณเอมได้เสริมว่า ทุกวันนี้ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเทคโนโลยียังไม่เปลี่ยนแปลง และกำไรยังเติบโต อีกด้วย จากเหตุผลที่ว่ามานี้หุ้นเทคโนโลยีจึงเป็น Theme ลงทุนหลักของโลกในระยะต่อไปแน่นอน
คำถามที่ 2 : “เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย” ส่งผลต่อหุ้นเทคโนโลยีอย่างไร ?
ปกติแล้ว การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) จะส่งผลต่อหุ้นเทคโนโลยี 2 เรื่องสำคัญ นั่นคือ
- ต้นทุนในการกู้ยืมเงินของบริษัท เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ต้นทุนในการกู้ยืมเงินก็จะสูงตามไปด้วย
- การประเมินมูลค่าหุ้นแบบ Dividend Discount Model (DDM) เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น อัตราคิดลดก็จะเพิ่มขึ้น เมื่อคิดเป็นมูลค่าหุ้นกลับมา จึงทำให้มูลค่าหุ้นเทคโนโลยีลดลง
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหุ้นเทคโนโลยีค่อนข้างอ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ย นั่นเอง
ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว หลายประเทศเริ่มเปิดเมืองและมีการเร่งฉีดวัคซีน
จึงเป็นไปได้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงคาดว่า Bond Yield ต้องปรับตัวขึ้นอย่างแน่นอน
ซึ่ง Bond Yield อายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ก็เคยปรับขึ้นไปสูงถึงเกือบ 1.8% จากเดิมที่มีตัวเลข 1%
แต่แล้ว.. เมื่อประกาศอัตราเงินเฟ้อออกมาสูงตามที่นักลงทุนคาดไว้จริง ๆ Bond Yield ที่ปรับขึ้นมารออยู่แล้ว จึงเริ่มกลับปรับตัวลดลง ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่แท้จริง หรือที่เรียกว่า Real Yield ที่คำนวณจาก Bond Yield หลังหักเงินเฟ้อคาดการณ์ ยังอยู่ในระดับต่ำ -0.8%
สะท้อนได้ว่า ผลตอบแทนพันธบัตรไม่น่าจะเอาชนะเงินเฟ้อได้
จึงส่งผลให้การลงทุนในตลาดหุ้นกลับมาน่าสนใจ จากนั้นมาหุ้นเทคโนโลยีก็เริ่มปรับตัวขึ้นมาเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ผ่านเครื่องมือ Dot Plot
ยังมองว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ (Fed Fund Rate) อาจเกิดขึ้น 2 ครั้งภายในปี 2023
ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เร็วกว่าที่นักลงทุนคาดไว้
นักลงทุนจึงมองว่า ยิ่งการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยมาเร็วมากขึ้น โอกาสที่จะเกิดอัตราเงินเฟ้อย่อมลดลง
ดังนั้น Bond Yield คงไปต่อได้ไม่ไกล จึงน่าจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้น รวมทั้งหุ้นเทคโนโลยี อีกด้วย
คำถามที่ 3 : ปัจจัยใดส่งผลต่อ “การปรับฐานของหุ้นเทคโนโลยี” ในตอนนี้ ?
ปัจจัยแรกคือ Bond Yield
หากถามว่า Bond Yield เท่าไรถึงจะส่งผลต่อตลาดหุ้น คำตอบจากการสำรวจของ Bank of America นั้นอยู่ที่ 2.5% ซึ่งปัจจุบันนี้ อัตราดอกเบี้ยยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ บวกลบไม่เกิน 1.5%
ดังนั้น กว่าที่ Bond Yield จะปรับตัวสูงถึงระดับนั้น อาจใช้เวลานาน ตลาดหุ้นถึงจะเริ่มปรับฐาน
ปัจจัยที่สองคือ Sector Rotation
เมื่อต้นปีเกิดแรงขายของหุ้นเทคโนโลยี ไปลงทุนในหุ้นวัฏจักรที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง
โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาปรับสูง จนกลายเป็น Commodity Supercycle
สะท้อนได้ว่า สินค้าโภคภัณฑ์กลายเป็น Most Crowded Trade ที่อาจเข้าใกล้จุดสูงสุดไปแล้ว
ดังนั้น เมื่อนักลงทุนเริ่มคลายกังวลในเรื่องอัตราเงินเฟ้อ บวกกับผลประกอบการของเหล่าบริษัทเทคโนโลยีที่ออกมาดี จึงเป็นเหตุผลให้นักลงทุนเริ่มกลับมาลงทุนหุ้นเทคโนโลยีอีกครั้ง
ปัจจัยสุดท้ายที่หลายคนกังวลคือ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น คนยังจะพึ่งพาเทคโนโลยีอยู่หรือไม่ ?
ซึ่งต้องยอมรับว่า พฤติกรรมหลาย ๆ อย่างได้กลายเป็น New Normal ไปเรียบร้อยแล้ว
อาทิ Work From Home, การช็อปปิงออนไลน์, การสั่งอาหารแบบ Delivery
สิ่งเหล่านี้สะท้อนได้ว่า ปัจจัยพื้นฐานการใช้เทคโนโลยีจะยังคงอยู่ต่อไป ไม่เปลี่ยนแปลง
คำถามที่ 4 : “QE Tapering” กระทบหุ้นเทคโนโลยีหรือไม่ ?
การปรับลดวงเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการ QE ของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า QE Tapering
แม้ว่าจะมีวงเงินลดลง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในสถานะอัดฉีดเงินอยู่ดี
โดย QE Tapering เป็นหนึ่งในสัญญาณชี้ว่า สภาวะเศรษฐกิจอาจดีขึ้นแล้วจริง ๆ
เพราะแม้ว่า FED จะลดวงเงินอัดฉีดเงิน แต่เศรษฐกิจและภาคธุรกิจก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้
สะท้อนได้ว่า เราอาจจะกำลังอยู่ในช่วง Mid-cycle ของวงจรเศรษฐกิจ
ซึ่ง Mid-cycle จะเป็นช่วงที่ระดับอัตราดอกเบี้ยไม่ได้สูงมาก และเศรษฐกิจยังโตต่อเนื่องได้
โดยปกติแล้วจะส่งผลดีต่อกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก
ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่าความกังวลเรื่องสภาพคล่องก็ถูก Price In ไปแล้วบางส่วน
เมื่อทุกอย่างชัดเจน เชื่อว่ากลุ่มหุ้นเทคโนโลยีก็พร้อมจะไปต่อได้
นอกจากนี้ ต้องให้เครดิตคุณเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ
ผู้เป็นสุดยอดนักสื่อสาร และเข้าใจตลาดการลงทุน ซึ่งการค่อย ๆ ออกมาพูด ทำให้ตลาดปรับตัวได้
ที่น่าสนใจคือ หุ้นเทคโนโลยีตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา มีเพียงปีเดียวที่ให้ผลตอบแทนที่เป็นลบ คือปี 2018 ที่ให้ผลตอบแทน -1.1% จากมรสุมลูกใหญ่ อาทิ Trade War, ทรัมป์ ทวีต และการประกาศขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีเดียว ส่วนปีอื่นๆ ล้วนให้ผลตอบแทนในอัตราเลขสองหลัก
สะท้อนได้ว่า หุ้นเทคโนโลยีเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ และให้ผลตอบแทนที่ดีได้
คำถามที่ 5 : ถ้าอนาคตเกิด “การดูดกลับสภาพคล่อง” หุ้นเทคโนโลยีจะยังไปต่อไหม ?
ก่อนหน้านี้ สภาพคล่องได้กระจายตัวไปทั่วตลาดหุ้น แม้แต่ในหุ้นที่ขาดทุนไม่มีกำไร
ดังนั้น เมื่อสภาพคล่องลดลง หุ้นที่มีคุณภาพและมีกำไร เชื่อว่าจะยังไปต่อได้
ต่างจากหุ้นพื้นฐานไม่ดี ยังไม่มีกำไร คงยากที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในปีนี้
ทีนี้น่าจะพอเห็นภาพแล้วว่า ไม่ใช่หุ้นเทคทุกตัว ที่จะน่ากลัวเสมอไป
หนึ่งวิธีที่จะช่วยเฟ้นหาหุ้นเทคในช่วงเวลานี้คือ วิธี Bottom Up
ซึ่งจะเป็นการวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐานจากตัวธุรกิจ ไปยังกลุ่มอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจ
ตัวอย่างเช่น Shopify ธุรกิจ E-commerce แบบครบวงจรสัญชาติแคนาดา ทั้งในด้านการตลาด โกดังเก็บของ และบริการขนส่งสินค้า แม้จะมี P/E สูงมาก แต่ก็สร้างกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเท่าตัว และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องได้ นักลงทุนจึงได้เข้าไปลงทุนจนราคาหุ้นปรับตัวสูง 150% ในปีที่ผ่านมา
ดังนั้น คำตอบของคำถามที่ว่าหุ้นเทคโนโลยีจะยังไปต่อไหม จึงขึ้นอยู่กับการเลือกหุ้น นั่นเอง
โดยลักษณะหุ้นที่มีโอกาสไปต่อก็คือ หุ้นที่ยังไม่แพง หุ้นที่มีกำไรสม่ำเสมอ และเป็นหุ้นใหญ่
อาทิ หุ้นกลุ่ม FAANG, หุ้นกลุ่ม Software-as-a-Service (SaaS) ที่ให้บริการในด้านซอฟต์แวร์ที่มี Recurring Income หรือมีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอ และราคาหุ้นยังไม่แพง ก็น่าจะยังไปต่อได้
คำถามที่ 6 : หุ้นเทคโนโลยี “ลงทุนระยะยาว” ได้ไหม ?
หลายคนอาจจะยังไม่กล้าถือหุ้นเทคโนโลยีในระยะยาวเพราะกลัวปัจจัยเรื่องดอกเบี้ย
ซึ่งคำถามสำคัญคือ หากมีการขึ้นดอกเบี้ยจริง ๆ จะเกิดอะไรขึ้น ?
อิงจากสถิติตั้งแต่ช่วงปี 1990 จนถึงปัจจุบัน FED ได้มีการขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด 7 ครั้ง บวกการทำ QE Tapering อีก 1 ครั้ง
ผลปรากฏว่า Sector ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้มาโดยตลอดก็คือ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และยังให้ผลตอบแทนเป็นบวกมากที่สุดเมื่อเทียบกับ Sector อื่น ๆ
หรืออย่างในปัจจุบันเอง ที่มีปัจจัยมากระทบมากมาย อย่างเรื่อง Sector Rotation, ภาษีนิติบุคคลฉบับใหม่, กฎหมายเรื่องการผูกขาด แต่กองทุน B-INNOTECH ยังคงเติบโตกว่า 17%
ดังนั้น ทางกองทุนบัวหลวงก็มองว่า อาจไม่จำเป็นต้องดู Timing มาก แต่ให้เน้นจัดพอร์ตการลงทุนโดยให้คงสัดส่วนหุ้นเทคโนโลยีไว้ เพราะถือเป็น Sector ที่มีโอกาสเติบโตได้ดี เมื่อเทียบกับ Sector อื่น ๆ ในตลาด
คำถามที่ 7 : ตอนนี้ “ควรเลือกลงทุน” หุ้นเทคโนโลยี อย่างไรดี ?
หุ้นเทคโนโลยีในช่วงนี้ สามารถแบ่งออกได้เป็นหลัก ๆ 3 ประเภท คือ
1. กลุ่ม Hardware เช่น อุปกรณ์ไอที คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร อย่างบริษัท HP หรือ Logitech
2. กลุ่ม Software as a Service หรือว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้ในบริษัทองค์กรใหญ่ ๆ เช่น Microsoft Office, Salesforce (CRM) และ ServiceNow
3. กลุ่ม Semiconductor เช่น ชิปเซต การ์ดจอ อย่าง TSMC และ NVIDIA
ซึ่งกลุ่มที่ 2 และ 3 นั้นตลาดจะให้ P/E ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีอัตราการเติบโตของกำไรที่สูง ต่างกับกลุ่มที่ 1 ที่อาจเติบโตได้ดีแค่ในช่วงโควิด แต่เป็นสินค้าที่คนไม่ได้ซื้อบ่อย ทำให้ตลาดยังให้ราคาค่อนข้างต่ำ
อย่างบริษัท NVIDIA ผู้ผลิตการ์ดจอ ที่กำลังเป็นที่ต้องการของนักขุดเหรียญคริปโทฯ ที่มี P/E สูงถึง 76 เท่า แต่ก็มีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น ในไตรมาสที่ผ่านมาสูงถึง 100% ในขณะที่กลุ่ม Hardware อย่าง HP หรือ Logitech นั้นจะมี P/E อยู่ที่ประมาณ 20 เท่า เท่านั้น
จะเห็นได้ว่า หุ้นเทคโนโลยีแต่ละกลุ่มนั้น ให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้น การเลือกกองทุนที่มีนโยบายบริหารแบบ Active Management หรือ กองทุนที่มีเป้าหมายเพื่อเอาชนะดัชนีอ้างอิง จึงเป็นนโยบายที่เหมาะกับการลงทุนใน Theme เทคโนโลยีนี้ เพราะจะช่วยให้กองทุนมีความยืดหยุ่นในการคัดเลือกหุ้นมากขึ้น โดยสามารถเลือกลงทุนในหุ้นที่เห็น Upside ได้เยอะกว่าได้ เมื่อเทียบกับแบบ Passive Management ที่ลงทุนอิงตามดัชนีเท่านั้น
คำถามที่ 8 : แล้ว “B-INNOTECH” เลือกหุ้นเทคโนโลยีเข้าพอร์ตอย่างไร ?
วิธีคัดเลือกหุ้นของผู้จัดการกองทุน Fidelity ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ B-INNOTECH
จะประกอบไปด้วย 3 ปัจจัยสำคัญ นั่นคือ
- Growth คือ หุ้นบริษัทที่เน้นการสร้างนวัตกรรมทันสมัย มีแนวโน้มเติบโต และเป็นผู้นำได้ในระยะยาว
- Cyclical คือ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และที่จะเติบโตไปตามสภาพเศรษฐกิจได้
ตัวอย่างเช่น หุ้นผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ Semiconductor ที่จะยังเติบโตต่อไปได้
- Special Situation คือ หุ้นบริษัทคุณภาพในช่วงเวลาไม่ปกติ
เมื่อกองทุนเห็นบริษัทคุณภาพที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น
หากบริษัทนั้น มีโอกาสฟื้นตัวได้สูง น่าสนใจในอนาคต ก็จะเข้าไปลงทุนเก็บสะสมไว้
ดังนั้น การเลือกหุ้นเทคโนโลยีของกองทุน B-INNOTECH ที่มักจะลงทุนในหุ้นใหญ่
ลักษณะไม่หวือหวา เช่น Alphabet, Microsoft
ด้วยพื้นฐานของการประเมินมูลค่าหุ้นที่เหมาะสม เป็นธุรกิจผู้นำในกลุ่ม
รวมทั้งเป็นธุรกิจมีรายได้และกำไรที่มีคุณภาพ และต้องเติบโตต่อเนื่องในอนาคตด้วย
ซึ่งการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่, ธุรกิจเทคโนโลยีพื้นฐาน และเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน
ที่มีแนวโน้มผลการดำเนินการค่อยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังส่งผลให้ B-INNOTECH เป็นกองทุนที่มีความผันผวนที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับกองทุนเทคโนโลยีและ Innovation อื่น ๆ อีกด้วย
ทั้งหมดนี้ สะท้อนได้ว่า B-INNOTECH เป็นอีกหนึ่งกองทุนหุ้นเทคโนโลยีที่น่าสนใจเลยทีเดียว ในตอนนี้..
คำเตือน:
การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ทั้งนี้อนู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
同時也有11部Youtube影片,追蹤數超過10萬的網紅Tôi Người Vùng Cao,也在其Youtube影片中提到,- Xem Cách Người Vùng Cao Mua Bán Trâu Trên Chợ Phiên Tây Bắc | Tôi Người Vùng Cao - See How Upland People Buy and Sell Buffalo On Market Northwest | ...
commodity price 在 雷司紀的小道投資 Facebook 的最佳解答
【FTX 加密貨幣交易所上架 木材期貨(Lumber Futures)】
-
美國芝加哥商業交易所(CME)5 月木材期貨價格,
在 5月 3日收在歷史新高。
於是 FTX 又來搞事了,
最會炒話題的 FTX 這一段時間上線了木材期貨 LB-0812,
如果你覺得未來木材價格會變得比現在貴,你就可以參與。
-
📍什麼是木材期貨?
FTX 上的木材期貨追蹤生產者物價指數商品中的軟木價格(Producer Price Index by Commodity: Lumber and Wood Products: Softwood Lumber)。
參考價格:https://fred.stlouisfed.org/series/WPU0811
-
📍什麼時候到期?
FTX 上的木材期貨 (LB-0812) 會在 2021 年 8 月 12 日 上午 8:30 分交割,相關資訊可以參考:
https://help.ftx.com/hc/en-us/articles/360060910811
-
FTX 交易所介紹:
https://www.rayskyinvest.com/23118/ftx-intro
註冊一個 FTX 帳號:
https://ftx.com/#a=rayskyinvest
質押 FTT 可以獲得手續費減免:
https://www.rayskyinvest.com/31994/what-is-ftt
FTX LB-0812 商品連結:
https://ftx.com/trade/LB-0812
#期貨是有風險的
#本文僅提供商品介紹
#不構成投資建議
#實際交易仍需自行考量風險承受度
commodity price 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ทำไม สถานีบริการน้ำมัน ยังทำกำไรได้ แม้ราคาน้ำมันลดลง / โดย ลงทุนแมน
หลายคนอาจมีความเข้าใจมาตลอดว่า
ถ้าสถานีบริการน้ำมันปรับราคาขายน้ำมันเพิ่มขึ้น จะทำให้ได้กำไรเพิ่มขึ้น
และในทางกลับกัน ถ้าราคาขายน้ำมันลดลง ก็จะทำกำไรได้ลดลง
ความเข้าใจแบบนี้ ไม่ถูกต้องเสมอไป
เพราะบางครั้งสถานีบริการน้ำมันก็อาจทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ แม้จะปรับราคาขายน้ำมันลดลง
กลไกของเรื่องนี้เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า โครงสร้างราคาน้ำมัน 1 ลิตรของไทยนั้น ประกอบด้วยต้นทุนอะไรบ้าง
1. ต้นทุนราคาน้ำมันสำเร็จรูปจากหน้าโรงกลั่น
ต้นทุนส่วนนี้จะสะท้อนต้นทุนในการกลั่นของโรงกลั่น และยังได้รับผลจากการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ตามกลไกอุปสงค์-อุปทานน้ำมัน ณ ขณะนั้น
2. ภาษีและเงินส่งกองทุนต่าง ๆ ประกอบด้วย
- ภาษีเทศบาล เป็นภาษีที่ภาครัฐเก็บเพื่อนำไปพัฒนาพื้นที่จังหวัดที่โรงกลั่นน้ำมันตั้งอยู่
- ภาษีสรรพสามิต ภาษีที่ภาครัฐเก็บจากสินค้าประเภทฟุ่มเฟือยที่ผลิตหรือนำเข้า ซึ่งก็รวมถึงน้ำมัน โดยภาษีนี้จะถูกนำไปเป็นงบประมาณของภาครัฐ
- เงินส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งกองทุนนี้ จัดตั้งเพื่อนำเงินไปรักษาเสถียรภาพราคา โดยในช่วงที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น รัฐจะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจ่ายชดเชยเพื่อไม่ให้ราคาปลีกในประเทศสูงขึ้นมาก และในช่วงที่ราคาน้ำมันลดลง กองทุนนี้ก็จะเก็บเงินค่าชดเชยกลับมาเข้ากองทุน
- กองทุนอนุรักษ์พลังงาน กองทุนที่จัดตั้งเพื่อนำเงินไปใช้ขับเคลื่อนงานด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน รวมไปถึงการนำเงินกองทุนไปใช้พัฒนาระบบขนส่ง สร้างถนน และการให้ทุนการศึกษาด้านพลังงานด้วย
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) เป็นภาษีที่เก็บโดยภาครัฐจากการขายสินค้าและบริการทุกชนิด เพื่อนำมาเป็นงบประมาณของภาครัฐ
3. ค่าการตลาด
คือส่วนต่างระหว่างราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการ กับต้นทุนที่ได้น้ำมันมาขาย
หรือพูดง่าย ๆ คือ ค่าการตลาด เป็นกำไรจากการขายน้ำมัน ที่สถานีบริการน้ำมันทำได้
แล้วต้นทุนสามข้อที่ว่ามา มีสัดส่วนในโครงสร้างต้นทุนน้ำมันอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะลองยกตัวอย่าง ราคาน้ำมันดีเซล B7 ณ ราคา 26.49 บาทต่อลิตร
- ต้นทุนราคาน้ำมันจากหน้าโรงกลั่น 14.76 บาท คิดเป็น 56%
- ภาษีและเงินส่งกองทุนต่าง ๆ 9.42 บาท คิดเป็น 36%
- ค่าการตลาด 2.31 บาท คิดเป็น 8%
จะเห็นว่า ต้นทุนกว่าครึ่งเป็นต้นทุนที่เกิดจากราคาหน้าโรงกลั่น
และเมื่อนำต้นทุนจากราคาหน้าโรงกลั่น บวกกับ ภาษีและเงินส่งกองทุนต่าง ๆ จะคิดเป็น 92% ของราคาขาย
ส่วนอีก 8% จะมาจากค่าการตลาด ซึ่งกำไรของสถานีบริการน้ำมันจะมาจากค่าการตลาดเป็นหลัก จะไม่ได้เกี่ยวกับการขึ้นลงของราคาน้ำมัน
ถ้าเราสังเกตให้ดี ในความเป็นจริงแล้ว ราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการน้ำมันจะมีระยะเวลาปรับตัว ทำให้ยังไม่ปรับตามราคาน้ำมันดิบและราคาหน้าโรงกลั่นที่ปรับตัวขึ้นหรือลงในทันที ซึ่งช่องว่างตรงนี้ เรียกว่า “Lag time”
ซึ่ง Lag time ที่ว่านี้ ก็ส่งผลต่อค่าการตลาด
ที่เป็นตัวทำกำไรจากการขายน้ำมันของสถานีบริการน้ำมันต่าง ๆ
ซึ่งค่าการตลาดนั้น ก็คิดจาก ส่วนต่างระหว่างต้นทุนน้ำมันที่ซื้อจากโรงกลั่น ภาษีและเงินส่งเข้ากองทุนต่าง ๆ กับราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปที่สถานีบริการน้ำมัน
ตัวอย่างเช่น ถ้าในช่วงราคาน้ำมันดิบลดลง แต่ถ้าการปรับราคาขายน้ำมันหน้าสถานีบริการ ปรับลดลงช้ากว่าราคาขายหน้าโรงกลั่น กรณีนี้ สถานีบริการน้ำมันก็จะกำไรเพิ่มขึ้นได้ จากค่าการตลาดที่ปรับตัวขึ้น..
ลองมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2563 ที่เพิ่งจบไปกัน
การแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ
และทำให้ในปี 2563 ความต้องการใช้น้ำมันทั้งโลกลดลง
ราคาน้ำมันดิบทั่วโลกจึงปรับตัวลดลง
ในกรณีของประเทศไทยที่นำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางเป็นส่วนใหญ่ จึงใช้ราคาน้ำมันดิบดูไบ (ที่นำมาซื้อขายกันที่ตลาดสิงคโปร์ ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายน้ำมันขนาดใหญ่ใกล้ไทย) เป็นราคาอ้างอิงต้นทุนการนำเข้าน้ำมันดิบของประเทศ
สิ้นปี 2563 ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดสิงคโปร์ ลดลงไปประมาณ 24% จากปีก่อนหน้า
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้ราคาขายปลีกเฉลี่ยน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทย ปรับตัวลดลงตามไปด้วย
แต่รู้ไหมว่า แม้ว่าทั้งราคาน้ำมันดิบและราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ยจะลดลง
แต่ค่าการตลาด กลับปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า
ค่าการตลาดเฉลี่ยของน้ำมันดีเซล น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันเบนซิน
- ปี 2562 ค่าการตลาดเฉลี่ย 1.98 บาทต่อลิตร
- ปี 2563 ค่าการตลาดเฉลี่ย 2.30 บาทต่อลิตร
แม้ว่าค่าการตลาดเฉลี่ย จะปรับเพิ่มจากปีที่ผ่านมาเพียง 0.32 บาทต่อลิตร ซึ่งดูเหมือนไม่มาก
แต่ลองนึกภาพว่า ถ้าสถานีบริการน้ำมันนั้น ขายน้ำมันกว่า 3,000 ล้านลิตรต่อปี ก็หมายความว่า กำไรจากการขายน้ำมันของสถานีบริการ จะเพิ่มไปถึง 960 ล้านบาทเลยทีเดียว..
เราจึงเห็นว่า บริษัทที่ทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมันบางแห่งในปีที่แล้ว มีผลกำไรเพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ยจะลดลงนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ธุรกิจสถานีบริการน้ำมันนั้น ไม่ได้มีอัตรากำไรที่สูง
อย่างในส่วนของค่าการตลาดนั้น เมื่อนำไปหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว ถึงจะเป็นกำไรของผู้ประกอบการ ซึ่งบางสถานีบริการน้ำมัน ถ้าบริหารต้นทุนได้ไม่ดี ก็มีขาดทุนได้เหมือนกัน
และในอนาคต บริษัทที่ทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน
ก็คงต้องเจอความท้าทายที่มากขึ้นไปอีก
โดยเฉพาะเรื่องของการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มลดลง
จากปริมาณการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า ที่น่าจะเป็นเมกะเทรนด์ในอนาคตอันใกล้
รวมไปถึง เรื่องต้นทุนต่าง ๆ โดยเฉพาะต้นทุนน้ำมันดิบที่ผันผวนตามตลาดโลก
รวมไปถึงภาษีและเงินนำส่งต่าง ๆ ที่ทั้งหมดนี้เป็นต้นทุนที่ทั้งบริษัทและผู้ประกอบธุรกิจสถานีบริการน้ำมันไม่สามารถควบคุมเองได้
ดังนั้น เราจึงเห็นหลายบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พยายามมุ่งเป้าที่จะขยายธุรกิจไปทำธุรกิจที่ไม่ได้มาจากน้ำมัน (Non-Oil Business) มากขึ้น
เช่น ปั้นแบรนด์ร้านกาแฟ ให้เช่าพื้นที่ขายของ สถานีบริการชาร์จไฟฟ้า และธุรกิจอื่น ๆ เพื่อผันตัวเองให้เป็น One Stop Service ให้แก่ผู้มาใช้บริการ
ซึ่งพวกเขาก็คงหวังว่า จุดแข็งเรื่องการเป็นสถานีบริการน้ำมัน ที่คนเดินทางต้องแวะใช้บริการ
คงเป็นใบเบิกทางสู่ธุรกิจอื่น ที่สร้างอัตรากำไรที่สูงกว่า และมีความผันผวนน้อยกว่าการขายน้ำมัน นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.energynewscenter.com/รู้จักโครงสร้างราคาน้ำ/
-http://www.eppo.go.th/index.php/th/petroleum/price/structure-oil-price
-https://www.youtube.com/watch?v=cDfMR76sOOE
-https://www.youtube.com/watch?v=HpQq6iF3g1Y
-https://www.youtube.com/watch?v=35izV2QpUWQ
-https://www.indexmundi.com/commodities/?commodity=crude-oil-dubai&months=120
-https://www.scbeic.com/th/detail/product/891
-https://investor.ptgenergy.co.th/th/faq
commodity price 在 Tôi Người Vùng Cao Youtube 的最讚貼文
- Xem Cách Người Vùng Cao Mua Bán Trâu Trên Chợ Phiên Tây Bắc | Tôi Người Vùng Cao
- See How Upland People Buy and Sell Buffalo On Market Northwest | I Am Upland
Note: This is a famous market that sells the most cattle in the northwestern region of Vietnam, The people here will bring the buffaloes and cows to the market to sell and use that money to buy household items, or use that money to buy other buffalos to raise again to sell at a higher price. In addition to buying buffaloes for agriculture, the people here also consider buffaloes and cows as a commodity to exchange and trade, helping the farmers here have a high monthly income, in addition to seeing buffalo as a commodity. In order to trade, they also respect the buffaloes very much, and they take good care of them so that they grow fast and give high income, let's experience the largest cattle market in the Northwest with me.
------------------------------------------------------------------------
Cảm ơn bạn đã quan tâm và xem video của Tôi Người Vùng Cao !!!
Bạn hãy ấn nút ĐĂNG KÝ ủng hộ kênh MIỄN PHÍ và đón xem thêm nhiều video hấp dẫn khác nhé…!
► Link đăng ký kênh: https://www.youtube.com/channel/UCnEK9dj8RpRJ4lea8tbW9cg?sub_confirmation=1
► Video trên Myclip
http://myclip.vn/channel/58448583
------------------------------------------------------------------------
LIÊN HỆ:
► Facebook cá nhân : https://www.facebook.com/Thanhvinhlc1992
► Fanpge Facebook : https://www.facebook.com/Toinguoivungcao.vn
► Twetter : https://twitter.com/thanhvinhlc1992
► Instagram : https://www.instagram.com/thanhvinh.24
► SĐT & Zalo & Viber: 0915 087 663 & 0388337779
► Skype : https://join.skype.com/invite/WoiMYiof3P1k
------------------------------------------------------------------------
Ủng hộ tài chính cho kênh:
► Số Tài Khoản: 0960112019999 - Ngân hàng quân đội (MB Bank)
—————————————————————————
Tôi Người Vùng Cao rất mong nhận được sự chia sẻ, giúp đỡ, góp ý của tất cả mọi người để những video sau chất lượng hơn.
------------------------------------------------------------------------
© Bản quyền thuộc về Tôi Người Vùng Cao
© Copyright by Tôi Người Vùng Cao ☞ Do not Reup
#Đặcsản #VănHóa #ẨmThực #ConNgười_VùngCao
***Thanks & Best regards***
commodity price 在 TRADERIDER Youtube 的最佳貼文
Forex Grade 10 # Divergence Trading การหาจุดกลับตัวกราฟ Forex ด้วย Divergence สัญญานการกลับตัว
สวัสดีครับวันนี้ มาเรียนรู้เกี่ยวกับ สัญญาณการกลับตัวหรือ เรียกว่า Divergence แล้ว Divergence เกิดจากอะไร เกิดได้อย่างไร แบบไหน?
Divergence หมายถึงการขัดแย้งกันของ ราคา Price และ Indicator ซึ่งราคานั้นเราก็ดูจาก จุดสูงหรือต่ำของเส้นแนวโน้มโดยใช้หลักการเส้นเทรนไลน์ประกอบการ วิเคราะห์การเกิด Divergence สำหรับ Indicator ที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์สัญญาณการเกิด Divergence จะเป็น Indicator กลุ่ม Oscillator indicator ซึ่งก็เป็น Indicator พื้นฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไปได้แก่ Stochastic Slow (STOCH) , Relative Strength Index (RSI) , Moving Average Convergence Divergence (MACD) , Commodity Channel Index (CCI) และ William's Percent Range (W%R)
โดยส่วนมากแล้ว Admin จะถนัดที่จะใช้ MACD และ STOCH ในการวิเคราะห์ Divergence อาจใช้คู่กับ หลักการElliot Wave ในการใช้ หาการกลับตัวที่ Wave ลูกที่ 5 นี่ก็มีประสิทธิภาพมากเลยทีเดียว
อ่านเพิ่มเติม : https://traderider.com/index.php/topic,432.0.html
สนับสนุน ช่องง่ายๆ เปิด บัญชี XM ผ่าน Link :
การเปิดบัญชีเพิ่ม Forex กับ XM.COM สำหรับผู้ที่มีบัญชีอยู่แล้ว สามารถเปิดได้สูงสุด 8 บัญชี ต่อคน แถมได้ Rebate เงินคืน 3$/ 1 Lot ทุกการเทรด Link การเปิดบัญชี XM.com : http://www.xm.com/gw.php?gid=10185 กับ www.traderider.com
การเพิ่มบัญชีเทรด forex XM.com จากบัญชีเดิมที่มี : http://traderider.com/index.php/topic...
แจ้งตรวจสอบบัญชีเทรด : http://traderider.com/index.php/topic...
facebook Fanpage : https://www.facebook.com/traderidergroup
commodity price 在 一二三渡辺 Youtube 的最佳貼文
ヤマハ・パッソルは、ヤマハ発動機が1977年に発売を開始したスクーター。排気量区分では原動機付自転車。
概要
* エンジン:強制空冷単気筒2サイクルエンジン、排気量49cc、最高出力2.3馬力
* 車重:45kg
* 変速機:自動変速
* クラッチ:自動遠心クラッチ
* ブレーキ:前後機械式ドラムブレーキ
背景
前年、ホンダが、自転車をベースにしたレジャーバイク、ロードパルを発売。思い切った低価格、ソフィア・ローレンを起用したテレビコマーシャルを武器に販売攻勢を強めた。その対抗車種としてヤマハ側が用意したスクーターがパッソルである。
女性がスカートを履いても乗れるというコンセプトの下、より親しみやすさに重点をおいた商品設計がなされており、平滑なステップ面を設け足を揃えて乗れるスルーステップなどを実現している。テレビコマーシャルには、庶民的なイメージを持つ八千草薫を起用し大ヒットにつなげた。
パッソルの存在意義
部品のユニット化、プラスティック素材の多用による製造工程の簡略化は、車重とコストの軽減にも大きく貢献し、メカニズムやスタイルは以後、日本で造られるスクーターの原型となった。同種のスクーターとして、イタリアピアジオ社が製造するベスパの存在があったが、価格差が5倍近くあり日本では競争相手に成り得なかった。
動力性能はカタログデータの最高速で45km/hと貧弱であったが、過剰な性能や高価な車体を要求しない割り切った顧客層にはむしろ歓迎された。
後継車種
コンセプトは、そのままに1982年10月にパッソルⅡが発売された。この頃には、スクーターのラインナップが充実しており、最も安価なボトムライン的な車種として設定されることとなったが、駆動系にVベルトを採用するなどの改良が施されている。しかし、動力性能の欠如は如何ともし難く上級車種と統合され消滅した。
Yamaha Motor Co., Ltd. Passol is a scooter by which YAMAHA MOTOR began putting on the market in 1977.
It is a bicycle in the displacement division with the motor.
Outline
* Engine: Compulsion air cooling single cylinder two-cycle engine, displacement 49
cc, and max power 2.3 horsepower
* ..car.. heavily: 45kg
* Gear-change: Automatic changing the speed
* Clutch: Automatic centrifugal clutch
* The brake: Machine type drum brake before and after.
Background
HONDA puts the leisure motorcycle and Rordopal based on the bicycle on the market in the previous year. The sales offensive was strengthened with TV commercial as the weapon that appointed a drastic low price and Sophia Loren. The scooter that Yamaha Motor Co., Ltd. prepared as the opposition model is Passol.
It designs the commodity of the priority, and Slustepp etc. to be able to get on by arranging installing a smooth step side and the foot have been achieved more friendly though the woman wears a skirt ..under the concept that it is possible to get on... In TV commercial, eight various herbs Kaoru who had a popular image was appointed and it tied to the smash hit.
Significance of existence of Passol
The simplification of the manufacturing process by busy of making of parts and a unit a plastic material greatly contributed also to the reduction of car heavy cost, and the mechanism and the style became prototypes of the scooter made in Japan thereafter. It is not possible that there were about five time price difference in the rival in Japan though the existence of the Vespa that the Itariapiageo Co. manufactures was the same kind of scooter.
The power performance was welcomed at maximum speed with 45 km/h by range of customers practical that neither an excessive performance nor an expensive body were demanded about the catalog data though was poor.
Succession model
Is the concept Passol in October, 1982 as it is?U was put on the market. The lineup of the scooter is enhanced recently, the improvement of the adoption of V belt for driving system etc. is given though it came to be set as a model the bottom line the cheapest. It was not easy to light it very, and however, the lack of the power performance was integrated and disappeared with the class model.
commodity price 在 Commodities - Live Quote Price Trading Data 的相關結果
Trading Economics provides data for several commodities including live bid/ask quotes, last trading prices, forecasts, charts with historical time series ... ... <看更多>
commodity price 在 Commodities - Oil, Silver and Gold Prices - CNN Business 的相關結果
Get the latest commodity trading prices for oil, gold, silver, copper and more on the U.S. commodities market and exchange at CNN Business. ... <看更多>
commodity price 在 Commodities - Bloomberg 的相關結果
Get updated commodity futures prices. Find information about commodity prices and trading, and find the latest commodity index comparison charts. ... <看更多>